คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น
Blackmores Fish Oil 1000 mg บรรจุ 80 แคปซูล [ขวดกลาง]
สถานะของสินค้า : สินค้าพร้อมส่ง
ราคาปกติ: 873 บาท
Special Price 563 บาท
รายละเอียดโดยย่อ
Blackmores Fish Oil 1000 mg แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 มก.
น้ำมันปลาชนิดแคปซูล ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ได้แก่ อีพีเอและดีเอชเอ เป็นน้ำมันปลาที่ได้จากปลาทะเล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลหลอดเลือดหัวใจและสมอง รับประทานได้ตั้งแต่เด็กวัยเรียนไปจนถึงผู้ใหญ่ วัยเกษียณ
Blackmores Fish Oil 1000 mg บรรจุ 80 แคปซูล
แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 มก. บรรจุ 80 แคปซูล
(ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โอเมก้า-3 จากน้ำมันปลา)
อย. 10-3-08338-1-0005
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
- ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 300 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
- ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่ว
คุณสมบัติ
แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 มก. น้ำมันปลาชนิดแคปซูล ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์นี้ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ได้แก่ อีพีเอและดีเอชเอ เป็นน้ำมันปลาที่ได้จากปลาทะเล
น้ำมันปลา เป็นสารประกอบของกรดไขมัน ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโอเมก้า-3 มี 2 ชนิด ได้แก่
1. EPA (Eicosapentaenoic Acid)
มีคุณสมบัติในการลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด พร้อมทั้งป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และยังป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคสมองขาดเลือด และโรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
2. DHA (Docosahexaenoic Acid)
เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและดวงตา ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนระบบสายตา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
- ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดและสมอง ขาดเลือดชั่วคราว
การรับประทานน้ำมันปลา จะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและช่วยลดไขมันในเลือด จึงป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและสมอง โดยมีผลการวิจัยทางการแพทย์พบว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจที่รับประทานน้ำมันปลาวันละ 3 กรัม ร่วมกับวิตามินอีธรรมชาติ 200-400 ยูนิต สามารถลดอัตราการตายเนื่องจากหัวใจล้มเหลวลง 15% เมื่อ เทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานน้ำมันปลา
- ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน
กรดไขมันไม่อิ่มตัวในน้ำมันปลา เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) อันได้แก่ พรอสตาแกลนดิน-3 (Prostaglandins-3) และทรอมบอกแซน-3 (Thromboxan-3) ซึ่ง สารกลุ่มนี้จะยับยั้ง การเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น
- ช่วยลดไขมันในเลือด
กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 จะช่วยยับยั้ง การสร้างไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และ ไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำมาก (VLDL) นอกจากนี้ ยังเพิ่ม HDL ซึ่งเป็นไลโปโปรตีนที่นำโคเรสเตอรอลไป ทำลายที่ตับ จึงช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
- ลดความดันโลหิตสูง
การรับประทานน้ำมันปลาช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น จึงมีผลให้ความดันเลือดลดลง
- ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อรูมาตอยด์และข้อเสื่อม
กรดไขมันในน้ำมันปลา ช่วยลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ (สารกลุ่มลิวโคไตรลิน) ช่วยบรรเทาอาการปวด บวม อักเสบตามข้อและยังช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดข้อ (NSAID) ลงได้
ข้อควรทราบของน้ำมันปลา
- กรดไขมัน EPA และ DHA ในปลาน้ำจืดมีน้อยกว่าปลาทะเล
- การกินปลาทะเล 200-300 กรัม ต่อวัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะสามารถเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า-3 ในอาหารได้ถึง 0.2 - 0.5 กรัมต่อวัน
- น้ำมันปลาต่างจากน้ำมันตับปลา
- โดยทั่วไปน้ำมัน ปลาให้วิตามิน A, D เหมาะสมต่อร่างกาย แต่การรับประทานน้ำมัน ตับปลาเพียง 20 cc จะได้รับวิตามิน A, D มากเกินความต้องการถึง 4 เท่า
- น้ำมันปลา 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่
น้ำมันปลา เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ซึ่งได้แก่
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
- ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง
- ผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะประจำ และขาดการออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีภาวะ ไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะไตรกลีเซอร์ไรด์
- ผู้ที่มีประวัติ คนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หรือ โรคหลอดเลือดอุดตัน
- ผู้ป่วยที่เป็น ความดันโลหิตสูง
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล
- น้ำมันปลาทะเล 1000 มก.
ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (โอเมก้า-3) 300 มก.
- EPA (Eicosapentaenoic acid) 180 มก.
- DHA (Docosahexaenoic acid) 120 มก.
- วิตามิน อี 10 IU
วิธีรับประทาน
- รับประทานพร้อมอาหาร ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1-3 ครั้ง ทุกวัน
- บุคคลทั่วไป รับประทาน 1,000 มก./วัน เพื่อป้องกันไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือด หรือผู้ที่ต้องการลดระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ หรือผู้ที่มีปัญหาไขข้ออักเสบ ควรทาน 2,000-3,000 มก. ต่อวัน
ข้อควรระวัง
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ปลาทะเล หรือน้ำมันปลา
- ควรระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือแอสไพริน
- ไม่แนะนำให้รับประทานร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด และผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัด
- โปรดอ่านฉลากก่อนใช้ ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
- เด็กและสตรีมีครรภไม่ควรรับประทาน
- ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ